หลายคนอาจเคยมีอาการปวดหัวเป็นครั้งคราว แต่หากคุณเริ่ม “ปวดหัวบ่อย” จนกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนบางอย่างจากร่างกายที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอาการปวดหัวไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญเสมอไป มันอาจบอกได้ว่าร่างกายของคุณกำลังเผชิญกับภาวะบางอย่างที่ต้องได้รับการดูแลอย่างจริงจังค่ะ
สาเหตุหลักของอาการปวดหัวบ่อย มีอะไรบ้าง
1. ความเครียดและความตึงของกล้ามเนื้อ
หนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการปวดหัว คือ “ความเครียด” เมื่อร่างกายเกิดความเครียด กล้ามเนื้อบริเวณคอ บ่า และศีรษะจะตึงตัว ทำให้เกิดอาการปวดหัวแบบตื้อ ๆ หรือแน่น ๆ รอบศีรษะ ซึ่งเรียกว่า “Tension Headache” มักเกิดในช่วงบ่ายหรือหลังจากทำงานหนัก
2. การพักผ่อนไม่เพียงพอ
การนอนหลับที่ไม่เต็มอิ่มหรือนอนไม่เป็นเวลา ส่งผลให้สารเคมีในสมองไม่สมดุล จนเกิด อาการปวดหัวบ่อย โดยเฉพาะในตอนเช้า การจัดเวลาพักผ่อนให้เพียงพอคือสิ่งสำคัญในการลดความถี่ของอาการ
3. ภาวะสายตาล้า
การจ้องหน้าจอคอมหรือมือถือเป็นเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อตาล้าและอาจลามไปจนถึงศีรษะ ส่งผลให้เกิด อาการปวดหัวเรื้อรัง โดยเฉพาะบริเวณหน้าผากหรือรอบดวงตา
4. ฮอร์โมนและการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย
ในผู้หญิง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือวัยทอง สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวหรือไมเกรนได้บ่อยขึ้น
5. ปัจจัยทางสุขภาพ
หากมีอาการปวดหัวร่วมกับอาการอื่น เช่น เวียนหัว แขนขาชา หรือพูดไม่ชัด ควรรีบพบแพทย์ เพราะอาจเกี่ยวข้องกับโรคที่ซับซ้อนกว่า เช่น ความดันโลหิตสูง ภาวะขาดน้ำในสมอง หรือหลอดเลือดสมองตีบ
วิธีดูแลและป้องกันอาการปวดหัวเบื้องต้น
หากอาการไม่ดีขึ้นใน 1–2 สัปดาห์ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อประเมินสาเหตุอย่างละเอียด
อาการปวดหัว ไม่ควรมองว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะสุขภาพที่ซ่อนอยู่ การรู้เท่าทันสาเหตุและปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตสามารถช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการได้ แต่หากปวดหัวบ่อยจนรบกวนชีวิต หรือปวดร่วมกับอาการผิดปกติอื่น ๆ การเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคือสิ่งที่ควรทำโดยเร็วค่ะ